Jareeya Hamsalamad

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

ต้นไม้ริมรั้ว ที่นิยมปลูกไว้ในบ้าน


ต้นไม้ริมรั้ว ที่นิยมปลูกไว้ในบ้าน





วาสนา

             ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นตรง กลม เป็นข้อถี่ มีความสูงประมาณ ๔-๑๐ เมตร ไม่มีกิ่งก้านสาขา ผิวเปลือกลำต้นมีสีน้ำตาล ใบเป็นใบเดี่ยว แตกออกจากลำต้นส่วนยอด เรียงซ้อนกันเวียนรอบลำต้นเป็นรูปวงกลม ส่วนใบมีลักษณะเป็นใบเรียว ยาว ปลายใบแหลม ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น
              นอกจากนี้ ต้นวาสนายังเป็นต้นไม้มงคลตามความเชื่อ หากใครปลูกต้นวาสนาไว้ในบ้าน ก็จะพบเจอแต่สิ่งดี นอกจากต้นวาสนาจะมีความหมายดี ๆ แล้ว จุดเด่นของต้นไม้นี้ยังให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดีอีกด้วยนะ ส่วนถ้าใครคิดจะปลูกต้นวาสนาล่ะก็ ตามตำราเขาแนะนำให้ปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และควรปลูกในวันอังคาร โดยให้ผู้หญิงเป็นผู้ปลูกจะดีที่สุด เพราะชื่อวาสนาอธิษฐานเป็นชื่อที่เหมาะกับสุภาพสตรี
             การดูแล : ต้องการแสงแดดอ่อนรำไรจนถึงแสงแดดจัด และควรรดน้ำอย่างน้อย 5-7 วันต่อครั้ง ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 5-6 ครั้ง ลักษณะพิเศษอีกอย่างอยู่ที่ใบ คือถ้าส่วนใบได้รับแสงแดดสม่ำเสมอ ทำให้สีสันของใบสวยงามยิ่งขึ้น









ไผ่


ลักษณะทั่วไป : ต้นไผ่มีหลากหลายชนิด ทั้งไผ่เหลืองทอง ไผ่สีสุก ไผ่เตี้ย ไผ่น้ำเต้า แต่คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้าปลูกไผ่สีสุกจะช่วยให้สมาชิกในบ้านประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง และมีความสุขกันถ้วนหน้า ส่วนลักษณะที่เด่นชัดเหมือนกันของต้นไผ่ นั่นก็คือ เป็นไม้ไม่ผลัดใบใน ขึ้นเป็นกอ ลำต้นเป็นปล้อง ๆ เหยียดตรง แข็งแรง

การดูแล : ต้นไผ่เป็นพืชที่ดูแลง่าย แต่ทั้งนี้ในช่วงแรกต้องคอยกำจัดวัชพืช ซึ่งหลังจาก 1 ปี จะไม่มีวัชพืชขึ้นแล้ว เนื่องจากใบของไผ่จะบังแสงแดดไม่ให้ส่องถึงพื้น หากจะปลูกต้นไผ่ ควรปลูกไว้ริมรั้วของบ้าน หรือบริเวณที่โล่งกว้าง ให้ต้นไผ่ได้แตกหน่อเจริญงอกงาม และควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก เพื่อให้ต้นไผ่ได้รับแสงแดดยามเช้า นอกจากนี้ ยังควรปลูกต้นไผ่ในวันเสาร์จึงจะเป็นมงคล





ดอกไม้ไหว้ครู สิ่งสำคัญที่อยู่บน พาน วันไหว้ครู !

ดอกเข็ม

          ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้พุ่มออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอดหรือกิ่งข้าง ดอกมีหลากสีด้วยกันคือ สีแดง ส้ม ชมพู เหลือง และขาว เป็นต้น ดอกเข็มมีลักษณะเป็นหลอดเล็ก ๆ ที่ปลายหลอดมีกลีบแยกจากกันเป็น 4 กลีบ ถ้าดอกซ้อนอาจจะมีถึง 8 กลีบ หรือมากกว่านั้น เกสรตัวผู้ติดอยู่ที่หลอดดอกด้านบน และอยู่สลับกับกลีบ เกสรตัวเมียยื่นเลยหลอดดอกออกมา มี 2 แฉก เข็มจะออกดอกตลอดทั้งปี น้ำหวานจากดอกเข็มมีปริมาณมาก เราสามารถดูดน้ำหวานด้วยปากโดยตรงจากดอกเข็มแต่ละดอกได้โดยง่าย 

          คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกเข็มไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีความฉลาดเฉียบแหลม เพราะเข็มคือสิ่งที่มีความแหลมคมดังนั้นคนไทยโบรานจึงใช้ดอกเข็มในพิธีไหว้ครูเพื่อจะได้เป็นนักปราชญ์ที่มีสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลมนอกจากนี้ยังใช้ดอกเข็มเป็นเครื่องบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพิธีทางศาสนาได้เป็นสิริมงคลยิ่งนัก 


          ส่วนตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นเข็มไว้ ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธเพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางดอก ให้ปลูกในวันพุธ

          การดูแล :  ต้นเข็มชอบแสงแดดจัด ๆ หรือแสงแดดกลางแจ้ง ส่วนน้ำต้องการน้ำเพียงแค่ปานกลางเท่านั้น และต้นเข็มยังสามารถทนต่อความแห้งแล้งได้  ชอบดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย มีความชุ่มชื้น และควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ 5-6 ครั้ง/ปี






โกสน


          ลักษณะทั่วไป : ไม้ยืนต้นประเภทไม้พุ่มขนาดย่อม ลำต้นมีความสูงประมาณ 3-5 เมตร ผิวลำต้นเรียบสีน้ำตาลปนเทา ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มตรงกลม ใบแตกออกจากต้นและปลายกิ่ง ลักษณะใบมีรูปร่าง สีสันและขนาดที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ชนิดของพันธุ์ ดอกออกเป็นพวงห้อยลงมาด้านล่าง ซึ่งออกมาจากปลายกิ่งพวงหนึ่งยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ดอกมีสีขาวขนาดของดอกเล็กมาก ดอกมี 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่จะเห็นเกสรตัวผู้เป็นเส้นฝอย การบานของดอกเป็นรูปทรงกลม

          การดูแล :  ต้นโกสนเป็นต้นไม้ที่ต้องการแสงแดดอ่อนรำไร จนถึงแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการน้ำปริมาณปานกลาง ชอบดินร่วนซุย ส่วนการใส่ปุ๋ยควรใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ใส่ ปีละ 5-6 ครั้ง และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นโกสนไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร


เฟื่องฟ้า


          ลักษณะทั่วไป : เฟื่องฟ้าเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางประเภทเถาเลื้อย ลำต้นมีความยาวประมาณ 1-10 เมตร มีลำเถาแข็งแรงเลื้อยไปได้ไกล ผิวลำต้นสีเทาหรือสีน้ำตาลลำต้นมีหนามคมแหลมยาวประมาณ 0.51 เซนติเมตร ติดอยู่เป็นระยะ ๆ ลักษณะของทรงพุ่มสามารถตัดแต่ง และบังคับทิศทางการเจริญเติบโตได้ใบเป็นใบเดี่ยวแตกตามเถาลักษณะรูปไข่ปลายใบแหลมโคนใบมนขอบใบเรียบพื้นใบเรียบสีเขียว ขนาดใบกว้าง 2 - 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อตามส่วนยอด มีกลีบดอกหรือใบประดับ 3กลีบ ส่วนดอกจะมีดอกเล็กสีขาว กลีบดอกจะมีขนาดและสีสรรแตกต่างกันตามชนิดพันธุ์

          ทั้งนี้ คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นเฟื่องฟ้าไว้ประจำบ้าน สามารถสร้างคุณค่าของชีวิตให้สูงขึ้น เพราะเฟื่องฟ้าเป็นพรรณไม้ ที่ได้รับสมญาว่า เป็นราชินีแห่งไม้ประดับเนื่องจากสามารถนำเฟื่องฟ้าไปใช้ประโยชน์ในด้านสุนทรียภาพเพื่อประดับสวนอาคารบ้านเรือนและสถานที่สำคัญต่าง ๆ

          นอกจากนี้คนไทยโบราณยังมีความเชื่ออีกว่าเฟื่องฟ้าเป็นไม้มงคลทำสำคัญของเทศกาลตรุษจีน เพราะต้นเฟื่องฟ้าสามารถออกดอกสะพรั่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนจึงทำให้บางคนเรียกต้นเฟื่องว่าว่าต้นตรุษจีนดังนั้นบางคนเชื่อว่า เมื่อช่วงดอกเฟื่องฟ้าบานแสดงถึง ความเบิกบาน สว่างไสว ความรุ่งเรือง ที่ก้าวไกลแห่งชีวิต

          สำหรับตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นเฟื่องฟ้า ไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางด้าน ให้ปลูกในวันพุธ และถ้าจะให้เป็นสิริมงคลยิ่งขึ้น ผู้ปลูกควรเป็นสตรี เพราะเฟื่องฟ้าเป็นราชินีแห่งไม้ประดับ ดังนั้นชื่อจึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับสุภาพสตรี

          การดูแล : เฟื่องฟ้านั้น เรียกได้ว่าเป็นดอกไม้ที่เลี้ยงง่ายตายยาก โดยทั่วไปแล้วเฟื้องฟ้าชอบน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ  3 - 5 วัน/ครั้ง และควรปลูกในดินร่วนซุย ที่มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ส่วนเรื่องโรคและแมลงก็ไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไรนัก แต่ควรระวังไม่ให้น้ำมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้รากเน่าได้ 


ดอกแก้ว       

          ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 10 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ สีเขียวเข้ม เปลือกต้น สีขาวเทา แตกเป็นร่องตามยาว ส่วนใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ มีใบย่อย 5-9 ใบ เรียงสลับกันจากเล็กไปหาใหญ่ สีเขียวเข้มเป็นมัน ใบย่อยที่ปลายก้านใบรูปไข่ รูปรี หรือรูปไข่กลับ ปลายแหลม โคนแหลมหรือสอบ ขอบเป็นคลื่นหรือหยักมนตื้น ๆ โคนใบเบี้ยวเล็กน้อย ใบมีต่อมน้ำมัน สำหรับดอกนั้น เป็นช่อดอกสั้น ออกตามง่ามใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม  กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบเลี้ยง ขนาดเล็ก ปลายมน กลีบดอกรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ยาวประมาณ 1.2 เซนติเมตร เรียงซ้อนเหลื่อม ฐานรองดอกรูปวงแหวน เกสรเพศผู้ 10 อัน ยาวไม่เท่ากัน ยาวประมาณกึ่งหนึ่งของกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้แบน รังไข่ติดเหนือวงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียหนา ยาวประมาณ 0.7 เซนติเมตร ยอดเกสรรูปโล่ ร่วงง่าย ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-2.5 เซนติเมตร

          คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ มีความเบิกบาน เพราะ แก้ว คือ ความใสสะอาด ความสดใส นอกจากนี้ดอกแก้วยังมีสีขาวสะอาดกลิ่นหอมอบอวล ทั้งยังสามารถนำดอกแก้วไปใช้ในพิธีบูชาพระในพิธีทางศาสนาได้ ถือเป็นสิริมงคลยิ่ง  และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธ

          การดูแล :  ต้นแก้วต้องการแสงแดดจัด และควรรดน้ำอย่างน้อย 3 - 5 วัน/ครั้ง ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1 - 2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 - 6 ครั้ง หรือใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15-15-15  อัตรา 200- 300 กรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 - 6 ครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น